เรื่องผีที่ 109: ปอบวิชา เรื่องของไสยศาสตร์
อัพเว็บวันนี้เพื่อตอบคำถามหลังไมค์ของคุณ ปราบจัง ที่ถามมานะคะ ว่า ไสยศาสตร์มีทั้งดีและไม่ดีขึ้นอยู่กับคนใช้?
ตรงนี้เซเรนขอค้านค่ะ! ลองขึ้นชื่อว่าไสยศาสตร์ล่ะก็ มีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะ (มันต้องเจอกับตัวถึงจะรู้สึก) แต่ถ้าพุทธศาสตร์…ถ้าเป็นพุทธเวทย์ช่วยเหลือคนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
คือคนส่วนใหญ๋ไม่เข้าใจ พอเรียกว่าไสยศาสตร์หรือเห็คนมีวิชชาก็จะยัดเยียดเรียกว่าไสยศาสตร์กันหมด แต่มันก็มีความต่างกันอยู่นะคะ ในส่วนของทางพุทธเวทย์นี่ต้องปฏิบัติจิตด้วยนะ ไม่ใช่แค่นั่งหน้าโต๊ะพระเอาธูปปัก สวดอิติปิโสท่อนสองได้ก็เก่งแล้ว อันนี้ไม่ใช่
ไสยศาสตร์พวกนี้ส่วนใหญ๋จะเบียดเบียนคนอื่น เบียดเบียนวิญญาณ เอาวิญญาณมาใช้เป็นเครื่องมือให้เขาเดือดร้อน แล้วไอ้พวกเล่นไสยศาสตร์นี่นะมันก็ไม่รู้จักแยกแยะ พอเห็นคนปฏิบัติดี มีฌาณมั่ง มีเซนต์มั่ง พอจะเห็ฯผีได้นิดหน่อย พอจะแก้คุณไสย์ได้บ้าง (ในส่วนพุทธเวทย์ปฏิบัติไปเรื่อยๆ + บารมีเก่า + ครูบาอาจารย์(เทวดา) สอนได้ดี แนะนำได้ดี วิชาแก้พวกนี้ก็พอจะสามารถทำได้ สังเกตง่ายๆ ความต่างของวิชชาไสย์กับวิชชาพุทธคือถ้าพุทธจะไม่มีการเบียดเบียน ทำร้ายกัน และใช้ของต่ำ ของสกปรกเป็นสื่อวิชชาเด็ดขาด) พวกนี้ไท่เข้าใจ นึกวาตัวเอง (ที่ทำเลว) เหมือนกับพระอภิญญาที่ท่านปฏิบัติดี นึกว่าวิชชาของตัวเองเป็นของจริง (อวิชชาแปลว่าความไม่รู้ ไอ้พวกนี้มันถึงได้โง่หลงอยู่กับของผิดๆ แล้วนึกว่าเป็นของดี ของจริง พวกนี้ตายเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้สึก) แล้วก็ชอบมาทำร้าย ทำคุณไสย์ใส่คนที่สวดมนต์ ปฏิบัติดี เพราะมันจะลองวิชชามันว่าวิชชามันแน่กว่าเขา เก่งเขา แล้วแค่ลองนี่นะ อย่ากจะบอกว่ามันเล่นกันถึงตายเลย เลวมากมาย (เจอมาแล้ว เพราะงั้นใครไม่ต้องมาลองนะคะ ไม่เก่งค่ะ ลองมาก็โดน ไม่มีปัญญาต่อกร มันไม่ท้าทายหรอก อย่าลองเลย)
คนที่เป็นไสย์วิชชาแล้วใช้ในทางทีดีมันก็พอมีบ้าง แต่ยังไงๆ ไอ้พวกนี้มันก็เป็นของไม่ดี อวิชานี่ต้องคอยปลุกอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นมันไม่ขลัง แล้วแบบว่า… พอปลุกมากๆ ของมันก็แรงขึ้นๆ พอแรงขึ้นแล้วทำไง… มันก็ต้องปล่อย ปล่อยไปใส่ใคร? ไม่รู้วุ้ย ถ้ามันไม่มีคู่กรณ๊ก็ปล่อยไปมั่วๆ นั่นแหล่ะ ปล่อยมั่วๆ ไปในอากาศ ใครดวงซวยไปสะดุดเข้าก็โดนเข้าไปเต็มๆ ที่เรียกกันว่าลมเพลมพัดก็เป็นกรณีแบบนี้อย่างหนึ่ง
เขาถึงได้ว่าตอนกลางคืนได้ยินแปลกๆ หรือถ้าได้ยินเสียงคนเรียกโดยไม่มีที่มาที่ไปก็อย่าทัก อย่าขานรับเด็ดขาดไง เพราะของที่ปล่อยออกมาพวกนี้มันจะหอนหาคนดวงซวยไปเรื่อยๆ นั้นแหล่ะ บางทีเวลาถ้าใครทำใส่เรามันก็เรียกชื่อเรานะ ถ้าดันไปขานรับก็ซวย โดน+เดี้ยงไปเต็มๆ
ถามว่ามันจำเป็นต้องปล่อยของ (ไปเข้าชาวบ้าน) ไหม คำตอบก็คือมันจำเป็นมากๆ ค่ะ เพราะถ้าไม่ปล่อยของพวกนี้จะลงตัวเอง เขาเรียกว่ากินตัวเอง กินตัวเองแล้วไง… แล้วมันก็กลายเป็นปอบไง หลอนสุดขั้วโลก
พวกนี้เรียกปอบวิชชา ตาจะออกแดงๆ ดุ เป็นอันตรายต่อชาวโลกมหาศาล เพราะปอบวิชชาพวกนี้มันอายุยืน มีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยๆๆๆๆ ปี อยากจะบอกว่าความจริงมันตายไปตั้งกะที่โดนของกินตัวจนกลายเป็นปอบแล้ว เพราะงั้นมันไม่ตายซ้ำหรอก
มันไม่ตายแต่ว่าตัวมันต้องมีกายเนื้อไง สรุปคือตาย… แต่ตายไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่ไปอย่างนั้นแล้วมันทรมานมากมาย เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงเป็นอันตรายต่อชาวโลก เพราะ ‘มันกินคน!’ ใครเคยได้ยินเรื่องพระอุ้มหมา ชีอุ้มแมวเปล่าอ่ะ ที่ว่ามีพระอุ้มหมา แล้วเดินไปคุยกับใคร ถ้าใครคุยด้วยอีกวันคนๆ นั้นก็ตาย อันนั้นแหล่ะ เป็นปอบวิชาอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้นกล่าวโดยสรุป… ไสยศาสตร์มันไม่มีอะไรดีแน่นอนงับ ไม่ควรเข้าไปยุ่งแม้กระทั่ง ฝึกเอง กระทำเอง หรือไปจ้างให้หมอไสยศาสตร์ทำอะไรใส่ใครที่ไหน เพราะคนที่จ้างนั่นแหล่ะ ระวังจะโดนหมอไสย์มันจัดการทำของใส่เอาซะเอง เวงกำดีเปล่าล่ะ เหอ เหอ เหอ
ไม่มีเวลา เอาไปสั้นแค่นี้ก็แล้วกันน้างาย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าเรื่องผีให้อ่านต่อ กิ๊บกิ้ววววว ^.^
Recent Comments